ข่าวสาร ก.พ.ร.

การประชุมคณะทำงานของเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านความซื่อตรงในภาครัฐ (The Working Party of Senior Public Integrity Officials: SPIO)

19 มี.ค. 2562
0

นายปกรณ์ นิลประพันธ์เลขาธิการ ก.พ.ร. ร่วมงานประชุมนานาชาติ 2019 International Reform Policy Symposium and Regional Workshop ภายใต้หัวข้อ การยกระดับการบริหารจัดการภาครัฐในภูมิภาคอาเซียนระหว่างวันที่ 14 – 15 มีนาคม 2562 ณ บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย

โดยการประชุมดังกล่าวมีประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย

1. การปฏิรูปการบริหารงานภาครัฐ ควรคำนึงถึงองค์ประกอบหลักที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การปฏิรูปโครงสร้าง การปฏิรูปรัฐ (State) โดยยึดหลักการธรรมาภิบาลเป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อนการทำงานของรัฐ เและการปฏิรูปกฎ ระเบียบ โดยออกแบบกฎ ระเบียบให้เอื้อต่อการเสริมสร้างนวัตกรรมในภาครัฐ มุ่งเน้นการแข่งขันให้ก้าวทันบริบทโลกที่มีความเป็นพลวัตร

2. ภาพในอนาคตของธรรมภิบาลจะเกี่ยวข้องกับดิจิทัล และยุคข่าวสารความรู้

3. ประโยชน์ของการมาเรียนรู้ร่วมกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์จะช่วยให้รัฐบาลของอาเซียนสามารถหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในการดำเนินการ และยังเป็นการช่วยให้รัฐบาลสามารถบริหารประเทศภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด

4. ระบบการบริหารผลการปฏิบัติงาน ควรให้ความสำคัญกับกระบวนการให้ข้อมูลสะท้อนกลับ (Feedback) เพื่อจะได้ทราบผลการดำเนินงาน และสามารถนำมาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

5. ระบบการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลของกรณีศึกษา เวียดนาม มีการนำระบบ IT เข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ การคัดสรร การสอบคัดเลือก ซึ่งนำมาใช้ทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น ซึ่งช่วยก่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงาน และเพิ่มคุณภาพของงานให้สูงขึ้นในขณะที่ การบริหารทรัพยากรบุคคล กรณีศึกษา ประเทศไทย (โครงการ นปร) ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมประชุมฯ เนื่องจากเป็นแนวทางที่จะได้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานในระบบราชการ และเป็นการพลิกโฉมวัฒนธรรมในการทำงานของภาครัฐ

6. การบริหารงานภาครัฐในรูปแบบดิจิทัล กรณีศึกษา สาธารณรัฐเกาหลี ได้รับการขนานนามว่าเป็นตัวอย่างที่ดีเลิศ ที่สามารถลดการทำงานในรูปแบบ silo ลงไปได้อย่างสิ้นเชิง รัฐบาลนำประโยชน์ของ Big Data มาใช้ในการกำหนดนโยบายการบริหารประเทศและพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการของภาครัฐ

ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น การนำประโยชน์ของ Big Data เพื่อออกนโยบายจัดให้บริการขนส่งสาธารณะแก่ประชาชน, ระบบหลักประกันสุขภาพ เป็นต้น

ข้อสังเกต ความสำเร็จของรัฐบาลเกาหลีในการนำประโยชน์ของดิจิทัลมาใช้ในการจัดให้บริการสาธารณะแก่ประชาชน คือ การกำหนดวิสัยทัศน์ในระยะยาวเพื่อกำหนดเป้าหมายในอนาคตที่มุ่งหวังจะให้เกิดขึ้น

7. ความซื่อตรงในการบริหารงานภาครัฐ โดยเฉพาะกรณีศึกษา ประเทศไทย ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้เข้าร่วมประชุมฯ เพราะนับเป็น first publication in region ซึ่งอินโดนีเซียให้ความสนใจและจะเรียนรู้จากประสบการณ์ของประเทศไทย โดยเฉพาะในเรื่องการพัฒนาระบบ (System) ในการเสริมสร้างความซื่อตรงในภาครัฐมีประสิทธิภาพ เช่น การแบ่งบทบาทที่ชัดเจนให้หน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช versus ปปท)

กรณีศึกษา อินโดนีเซีย พบว่า รัฐบาลอินโดนีเซียมีความพยายามในการกำหนด Integrity Zone ขึ้น โดยตัวขับเคลื่อนหลักของพยายามของรัฐบาลคือ The use of Technology (เช่น งานบริการด้าน ตม. ทำให้งานบริการมีความรวดเร็ว สะดวก และโปร่งใส) และปลูกฝังวัฒนธรรมเพื่อสร้างให้เกิดการทำงานที่มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของประชาชน

8. การปฏิรูปการบริหารงานท้องถิ่น ต้องสร้างให้ท้องถิ่นมีศักยภาพที่จะบริหารตนเองได้ ดังนั้น Capacity Building เป็นสิ่งสำคัญ พร้อมกันนี้ การกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นเป็นสิ่งที่ควรดำเนินการคู่ขนานกันไป

โชติมา (กองนวัตกรรมการบริหารภาครัฐ) /ข่าว&ภาพ
ภัทรพร (สลธ.) /รายงาน
กลุ่มงานเลขานุการ ก.พ.ร. และการประชาสัมพันธ์ / จัดทำ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ก.พ.ร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ก.พ.ร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ก.พ.ร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ก.พ.ร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า